โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์ (Suksawat Inter Hospital) โรงพยาบาลทั่วไปขนาดใหญ่ 100 เตียง เราให้ความสำคัญกับลูกค้า (Customer Relation) มาเป็นอันดับแรก และมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านการรักษา เครื่องมือและการบริการ เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับความสะดวกพึงพอใจมากที่สุดทำให้ท่านมั่นใจได้ว่า “จะได้รับการบริการที่ดีที่สุด” เราพร้อมให้บริการทางการแพทย์ด้วยมาตรฐานระดับวิชาชีพ และพร้อมให้บริการ ทุกสิทธิการรักษาอาทิ สิทธิเงินสด,สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า,สิทธิประกันชีวิต,พรบ.,และสิทธิประกันสังคม, กองทุนทดแทน, และสิทธิบริษัทคู่สัญญา...อ่านเพิ่มเติม ›
เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อยืนยันนัดหมาย
Body Mass Index (BMI) คือ ค่าดัชนีที่ใช้ชี้วัดความสมดุลของน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) และส่วนสูง (เซนติเมตร) ซึ่งสามารถระบุได้ว่า ตอนนี้รูปร่างของคนคนนั้นอยู่ในระดับใด ตั้งแต่อ้วนมากไปจนถึงผอมเกินไป
เหตุผลที่ใช้ดัชนีมวลกายในการคัดกรองสุขภาพของประชากรทั่วไปเนื่องจากการมีน้ำหนักผอมหรืออ้วนเกินไปนั้นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับปัญหาสุขภาพ การเกิดโรคเรื้อรัง... และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
สูตรคำนวณนี้ เหมาะสำหรับใช้ประเมินผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป เพื่อดูอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ตรวจสอบภาวะไขมันและความอ้วน
ดังนั้นการทำให้ร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพในระยะยาว Read More ↓
ค่า BMI 30.0 ขึ้นไป ค่อนข้างอันตราย เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงที่แฝงมากับความอ้วน หากค่า BMI อยู่ในระดับนี้ จะต้องปรับพฤติกรรมการทานอาหาร และควรเริ่มออกกำลังกาย และหากเลขยิ่งสูงกว่า 40.0 ยิ่งแสดงถึงความอ้วนที่มากขึ้น ควรไปตรวจสุขภาพ และปรึกษาแพทย์
ค่า BMI ระหว่าง 25.0 - 29.9 อ้วนในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ถึงเกณฑ์ที่ถือว่าอ้วนมาก ๆ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มากับความอ้วนได้เช่นกัน ทั้งโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ควรปรับพฤติกรรมการทานอาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพ
ค่า BMI ระหว่าง 18.5 - 24.9 เป็นน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับคนไทยคือค่า BMI ระหว่าง 18.5-24.9 จัดอยู่ในเกณฑ์ปกติ ห่างไกลโรคที่เกิดจากความอ้วน และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ น้อยที่สุด ควรพยายามรักษาระดับค่า BMI ให้อยู่ในระดับนี้ให้นานที่สุด และควรตรวจสุขภาพทุกปี
ค่า BMI น้อยกว่า 18.5 น้ำหนักน้อยกว่าปกติก็ไม่ค่อยดี หากคุณสูงมากแต่น้ำหนักน้อยเกินไป อาจเสี่ยงต่อการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอหรือได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลียง่าย การรับประทานอาหารให้เพียงพอ และการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อสามารถช่วยเพิ่มค่า BMI ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้
ดัชนีมวลกาย หรือ BMI ย่อมาจาก Body Mass Index เป็นค่าสากลที่ใช้เพื่อคำนวณเพื่อหาน้ำหนักตัวที่ควรจะเป็น และประมาณระดับไขมันในร่างกายโดยใช้น้ำหนักตัว และส่วนสูง การคำนวณดัชนีมวลกายไม่ใช่การวัดโดยตรงแต่ก็เป็นตัวชี้วัดไขมันในร่างกายที่ค่อนข้างเชื่อถือได้สำหรับคนส่วนใหญ่ ค่า BMI สามารถใช้บ่งบอกความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆได้อีกด้วย เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือด ระบบหัวใจ รวมไปถึงมะเร็งบางชนิด
แต่อย่างไรก็ตามค่า BMI เป็นแค่การคำนวณเบื้องต้นเท่านั้น เนื่องจากคุณจำเป็นต้องนำปัจจัยอื่นๆ มาประกอบด้วย ทั้งเรื่องของพันธุกรรม ปริมาณกล้ามเนื้อ พฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิต การออกกำลังกาย และอื่นๆ แต่เนื่องจากดัชนีมวลกายมีวิธีคำนวณที่ง่าย จึงทำให้ทุกคนสามารถประเมินความเสี่ยงของตนเอง จากการมีปริมาณไขมันในร่างกายเกินได้
แม้ว่าดัชนีมวลกายจะสัมพันธ์กับการวัดไขมันในร่างกายค่อนข้างมาก แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง โดยขึ้นอยู่กับเพศ อายุ และความสามารถทางกีฬา ข้อจำกัดเหล่านี้ ได้แก่
* ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะมีปริมาณไขมันในร่างกายมากกว่าผู้ชาย
* คนที่อายุมากกว่ามีแนวโน้มที่จะมีปริมาณไขมันในร่างกายมากกว่าคนที่อายุน้อยกว่า
* นักกีฬาที่ฝึกฝนมาอย่างดีจะมีดัชนีมวลกายสูงเนื่องจากมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่า ทำให้น้ำหนักตัวที่มากนั้นมาจากมวลกล้ามเนื้อ ไม่ใช่ไขมัน องค์ประกอบของร่างกาย ไขมันในร่างกาย และดัชนีมวลกาย
เหตุผลที่ใช้ดัชนีมวลกายในการคัดกรองสุขภาพของประชากรทั่วไปเนื่องจากการมีน้ำหนักเกินหรืออ้วนนั้นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับปัญหาสุขภาพ
การเกิดโรคเรื้อรัง และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรืออ้วนจะเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพและโรคต่างๆเพิ่มขึ้น ดังนี้
* โรคข้อเสื่อม
* โรคเบาหวาน
* โรคมะเร็งบางชนิด
* ความดันโลหิตสูง
* โรคหลอดเลือดสมอง
* โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
* โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
1. ค่า BMI จะแปรผันตามน้ำหนักตัว หากน้ำหนักตัวเพิ่มก็จะทำให้ค่า BMI เพิ่มขึ้น ถ้าน้ำหนักตัวลดก็จะทำให้ค่า BMI ลดลงเช่นเดียวกัน
2. ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มปริมาณการเผาผลาญพลังงานในแต่ละวัน
3. เลือกกินอาหารที่ไขมันไม่สูง หรือทานให้ครบ 5 หมู่
4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7 ชั่วโมงต่อวัน
5. หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
6. ปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทาง
1. วางแผนการใช้ชีวิตและกินอาหารให้ครบ 5 หมู่
2. วางแผนออกกำลังกาย เป็นประจำสม่ำเสมอ
3. วางแผนเก็บเงิน เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี
4. วางแผนซื้อประกันภัยสุขภาพ กรณีล้มป่วยฉุกเฉิน
5. วางแผนปรับสมดุลเรื่องงาน ลดความเครียด
6. วางแผนลดนอนดึก เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน
7. วางแผนเลี่ยงหรือลด การสูบบุหรี่
8. วางแผนลดปาร์ตี้กลางคืน และดื่มหนักๆ
* ค่อยๆเลี่ยง ค่อยๆลด ให้ร่างกายค่อยๆฟื้นและปรับสมดุล
นัดหมายแพทย์
ค้นหาแพทย์
แพ็กเกจและโปรโมชั่น
นโยบายการใช้คุกกี้
นโยบายความเป็นส่วนตัว
นโยบายกล้องวงจรปิด CCTV