หน้าหลัก
เกี่ยวกับเรา
บริการ
ข่าวและบทความ
ภาพบรรยากาศ
ติดต่อ
ภาษา
เข้าสู่ระบบ
บทความสุขภาพ

CATH LAB ห้องปฏิบัติการตรวจและการฉีดสีสวนหลอดเลือดหัวใจ...เร็วๆนี้

-->

โควิด 19 VS วัณโรค อาการเหมือน หรือต่างกันอย่างไร วันนี้ โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์ มีคำแนะนำมาฝากค่ะ
โควิด-19 VS วัณโรค อาการเหมือน หรือต่างกันอย่างไร วันนี้ โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์ มีคำแนะนำมาฝากค่ะ วัณโรค - เชื้อที่ก่อโรค เชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis (Tuberculosis) - วิธีแพร่กระจายเชื้อ ติดต่อผ่านทางอากาศ (Airborne transmission) - อาการ ไอเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์,เสมหะปนเลือด เจ็บหน้าอก มีไข้ เหงื่อออกผิดปกติ น้ำหนักลด - การป้องกัน มีการรักษาการติดเชื้อวัณโรค ระยะแฝงในผู้สัมผัสผู้ป่วย - การรักษา มีสูตรยามาตรฐาน ในการรักษาวัณโรค โควิด-19 - เชื้อที่ก่อโรค เชื้อไวรัส Severe acute Respiratory Syndrome Coronavirus 2 (SARS-CoV-2) - วิธีแพร่กระจายเชื้อ ติดต่อผ่านละอองฝอย หรือ ผ่านการสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่ง - อาการ มีไข้, ไอ, เจ็บคอ, มีน้ำมูก, มีเสมหะ,ปวดศรีษะ, อ่อนเพลีย - การป้องกัน ฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 - การรักษา สูตรยายังอยู่ในระหว่าง การศึกษาวิจัย ผู้ที่สัมผัสผู้ป่วยในระยะสั้นๆ หรือไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ สำหรับผู้ที่สัมผัสผู้ป่วยและอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงค้นพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองอาการและเอกซเรย์ปอดโดยเร็วที่สุด . ขอขอบคุณข้อมูลจาก: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข . ขอให้ทุกท่านไม่ตื่นตระหนก แต่ต้องไม่ประ มาท ดูเเลสุขภาพกันด้วยนะคะ ด้วยความห่วงใยจากโรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์

อ่านต่อ 2025/06/17


SIHNEWS มะเร็งปอดภัย เงียบ ไม่มีอาการ จนกว่าจะลาม
SIHNEWS มะเร็งปอดภัย เงียบ ไม่มีอาการ จนกว่าจะลาม . “มะเร็งปอด” ความเสี่ยงใกล้ตัว เปิดสถิติ คนไทยตายเฉลี่ย 40 คนต่อวัน . เรืออากาศเอกนายแพทย์สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด คือ การสูบหรือรับควันบุหรี่มือสอง ซึ่งมีทั้งบุหรี่ทั่วไปและบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านพันธุกรรม การสัมผัสสารก่อมะเร็ง ได้แก่ แร่ใยหิน ก๊าซเรดอน (เกิดจากการสลายตัวของธาตุเรเดียมซึ่งนำมาใช้ก่อสร้างอาคารบ้านเรือน) รังสี ควันธูป ฝุ่นไม้ และมลภาวะทางอากาศต่าง ๆ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ซึ่งประกอบไปด้วยสารเคมีปนเปื้อนหลายชนิดที่เป็นสารก่อเกิดมะเร็ง สัญญาณเตือนของมะเร็งปอด คือ อาการผิดปกติของการทำงานของปอด เช่น ไอเรื้อรัง นานกว่า 2 สัปดาห์ ไอมีเสมหะปนเลือด หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ มีเสียงหวีด ปอดติดเชื้อบ่อยหรือเรื้อรัง นอกจากนี้ยังอาจจะมีอาการเสียงแหบ เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อย่างไรก็ตาม อาการต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้เป็นอาการที่เฉพาะเจาะจงกับมะเร็งปอดเท่านั้น อาจพบในโรคอื่น ๆ ได้ ดังนั้นหากมีอาการผิดปกติผู้ป่วยควรรีบปรึกษาแพทย์ วิธีการคัดกรอง ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพที่ดีเพียงพอในระดับประชากร แต่มีคำแนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งปอดเข้ารับการตรวจคัดกรองโดยการเอ็กซเรย์ปอดเป็นประจำทุกปี อย่างไรก็ตาม การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในการป้องกันและลดความเสี่ยงจากการ เกิดโรคลงได้ การตรวจวินิจฉัยหลัก ๆ ประกอบไปด้วยการถ่ายภาพรังสี (เอ็กซเรย์ปอด เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์) ร่วมกับการตรวจหาเซลล์มะเร็งโดยการ ตัดชิ้นเนื้อมาตรวจ นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีการตรวจชิ้นเนื้อทางพันธุศาสตร์เพิ่มเติม (molecular genetic testing) เพื่อทำนายพยากรณ์ของโรคและแนวทางการรักษาได้มากยิ่งขึ้น . แนะสังเกตสัญญาณเตือนมะเร็งปอด มะเร็งปอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของคนไทย (เป็นอันดับ 2 ในผู้ชายรองจากมะเร็งตับ และ เป็นอันดับ 1 ในผู้หญิง) การตรวจคัดกรองให้พบโรคในระยะแรกทำได้ยาก และมีอัตราการตายสูง สาเหตุสำคัญ ได้แก่ 1.การสูบบุหรี่รวมถึงยามวนต่างๆ เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดของโรคมะเร็งปอด ผู้สูบบุหรี่อาจมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ไม่สูบถึง 10 เท่า รวมถึงผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่เองโดยตรง แต่สูดดมจากบุหรี่ที่ผู้อื่นสูบก็มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป เพราะในควันบุหรี่มีสารก่อมะเร็งมากกว่า 60 ชนิด 2.ได้รับแร่ใยหิน (แอสเบสตอส) เป็นแร่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลายชนิด เช่นการก่อสร้าง โครงสร้างอาคาร ผ้าเบรค ฉนวนกันความร้อน ผู้เสี่ยงคือผู้ที่อาศัยหรือทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแอสเบสตอสปนเบื้อนเป็นเวลานาน อาจใช้เวลา 15-35 ปี ในการทำให้เกิดมะเร็งปอด สำหรับผู้ไม่สูบบุหรี่แต่ทำงานกับฝุ่นแอสเบสตอส อาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดมากกว่าคนทั่วไปถึง 5 เท่า 3.สาเหตุอื่นๆ มลภาวะเช่น PM 2.5 สารเบนซิน ฟอร์มาลดีฮายด์ เป็นต้น . อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยมะเร็งปอดจำนวนมาก ไม่เคยมีประวัติสูบบุหรี่ หรือ แอสเบสตอสมาก่อน ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการคัดกรองโรคมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า เมื่อผู้ป่วยมีอาการผิดปกติมักจะเป็นโรคในระยะที่ลุกลามไปแล้ว ทำให้การตรวจพบโรคในระยะแรกทำได้ยาก และ มีอัตราตายสูง วิธีที่ดีที่สุดในปัจจุบันจึงเป็นการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ขอขอบคุณข้อมูลจาก: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

อ่านต่อ 2025/06/06


โควิด 19 เเละ ไข้หวัดใหญ่ อาการเหมือน หรือ เเตกต่างกันอย่างไร
โควิด-19 เเละ ไข้หวัดใหญ่ อาการเหมือน หรือ เเตกต่างกันอย่างไร . ไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 เป็นโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อไวรัสทั้งคู่ แต่เป็นเชื้อคนละชนิดกัน ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล มักพบการระบาดช่วงฤดูหนาวและฤดูฝน แต่โควิด-19 สามารถพบการแพร่ระบาดได้ตลอดทั้งปีและบางสายพันธุ์ติดต่อและแพร่กระจายได้ง่ายกว่าไข้หวัดใหญ่ โดยไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 มีอาการแสดงหลายอย่างที่เหมือนกัน เช่น มีไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ทำให้อาจแยกอาการของทั้ง 2 โรคนี้ได้ยาก . อาการของโควิด-19 - ไข้สูง 37.5 °C เป็นเวลานาน บางรายไข้ต่ำหรือไม่มีไข้ - ไอแห้ง หรือ ไอมีเสมหะ - มีน้ำมูก มีอาการคัดจมูก เล็กน้อย - เหนื่อยหอบ หายใจลำบาก พบอาการได้บ่อย - สูญเสียการรับรส/กลิ่น - มีอาการท้องเสียบางราย - มีอาการเบื่ออาหารบางราย - ปวดเมื่อย พบได้บางราย (แพร่เชื้อได้ 2 วันก่อนเริ่มอาการและ 10 วันหลังเริ่มมีอาการ บางรายอาจนานถึง 14 วัน) . อาการไข้หวัดใหญ่ - ไข้สูง 37.5-40 °C มีอาการหนาวสั่นร่วม - ไอแห้ง มีเสมหะเล็กน้อย - มีน้ำมูก คัดจมูกบ่อย มีอาการจามร่วม - เหนื่อยหอบ หายใจลำบากพบอาการได้น้อย - ไม่สูญเสียการรับรส/กลิ่น - มีอาการท้องเสียบางราย - มีอาการเบื่ออาหารบางราย - มีอาการปวดเมื่อยรุนแรง แพร่เชื้อได้ 1 วันก่อนมีอาการและ 5-7 วันหลังเริ่มมีอาการ (สูงสุด 2-3 วันแรก) . ขอขอบคุณข้อมูลจาก: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข . ขอให้ทุกท่านไม่ตื่นตระหนก แต่ต้องไม่ประ มาท ดูเเลสุขภาพกันด้วยนะคะ ด้วยความห่วงใยจากโรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์

อ่านต่อ 2025/05/27


ระวัง…โรคที่มากับฤดูฝน
ระวัง…โรคที่มากับฤดูฝน . กรมอุตุนิยมประกาศแจ้ง ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ ดังนั้นควรเตรียมพร้อมรับมือกับ โรคต่างๆ ที่จะเกิดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ที่มีทั้งความชื้น และเชื้อโรคต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดโรค เหล่านี้ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้ประกาศเตือน 5 กลุ่ม โรคที่มากับหน้าฝน ได้แก่ . 1. กลุ่มโรคติดต่อของระบบทางเดินอาหาร • โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน บิด ไทฟอยด์ อาหารเป็นพิษ เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้อจุลชีพที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหารที่ลำไส้ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ อาจมีไข้ ปวดบิดในท้อง และหากติดเชื้อบิดอาจมีมูกหรือเลือดปนอุจจาระได้ • เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอและบี ติดต่อจากการรับประทานอาหารปนเปื้อนเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอและบี ทำให้ผู้ป่วยมีอาการตับอักเสบ มีไข้ อ่อนเพลีย ตัวเหลือง ตาเหลืองหรือดีซ่าน คลื่นไส้อาเจียน 2. กลุ่มโรคติดเชื้อผ่านทางบาดแผลหรือเยื่อบุผิวหนัง เช่น •โรคไข้ฉี่หนู หรือแลปโตสไปโรซิส ผู้ป่วยมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ มักปวดกล้ามเนื้อบริเวณน่องและโคนขาอย่างรุนแรง ตาแดง ประมาณร้อยละ 5-10 ของผู้ป่วยอาจมีอาการรุนแรง เช่น ดีซ่าน ไตวาย หรือช็อคได้ 3. กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ •โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบหรือปอดบวม ปัจจุบันมีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ H1N1 และโรคไข้หวัดนกที่มีแหล่งแพร่ระบาดมาจากสัตว์ปีก เชื้ออาจมีการผสมข้ามสายพันธุ์กับเชื้อไข้หวัดใหญ่ในช่วงระบาดในฤดูฝนได้ 4. กลุ่มโรคติดต่อที่เกิดจากยุง • ไข้เลือดออก มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ในระยะแรกจะมีอาการเหมือนการติดเชื้อไวรัสทั่วไป เช่น มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว อาจมีอาการปวดกระดูกมาก ไข้สูงประมาณ 2-7 วัน หลังจากนั้นไข้จะลดลง อาจมีเลือดออกผิดปกติ มือเท้าเย็น หรือช็อคได้ • ไข้สมองอักเสบเจอี (Japanese Encephalitis) มียุงรำคาญเป็นพาหะนำโรค มักแพร่พันธุ์ในแหล่งน้ำตามทุ่งนา ผู้ป่วยจะมีไข้ ปวดศีรษะ อาเจียน หลังจากนั้นจะมีอาการซึมลงหรือชัก ผู้ป่วยอาจเสียชีวิต หรือพิการหากไม่ได้รับการรักษา • โรคมาลาเรีย มียุงก้นปล่องที่อยู่ในป่าเป็นพาหะนำโรค ผู้ป่วยจะมีไข้สูง หนาวสั่น ซีดลง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตก หากเป็นชนิดรุนแรงอาจมีอาการไตวาย ตับอักเสบ ปอดผิดปกติ 5. กลุ่มโรคเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดง เกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา . เราสามารถลดเสี่ยงโรคติดเชื้อได้ ด้วยการดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ และปฏิบัติตามแนวทางป้องกันเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการเจ็บป่วย ที่สำคัญ หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจ วินิจฉัย และได้รับการรักษาอย่างตรงจุด . ให้เราดูแลคุณในทุกปัญหาสุขภาพ

อ่านต่อ 2025/05/16


โควิด 19 สายพันธุ์ใหม่ ตระกูลไอมิครอน XEC ป่วยไม่หนัก.. แต่แพร่เชื้อเร็ว
โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ตระกูลไอมิครอน XEC ป่วยไม่หนัก.. แต่แพร่เชื้อเร็ว . โควิดสายพันธุ์ล่าสุดนี้คือโควิด-19 สายพันธุ์ โอมิครอน XEC เป็นโควิด-19 สายพันธุ์ลูกผสมตัวใหม่ในตระกูลโอมิครอนพบครั้งแรกที่ประเทศเยอรมนีเมื่อเดือนมิถุนายน 2567 เกิดจากการรวมกันของ 2 สายพันธุ์ย่อยได้แก่ KS.1.1 (FLiRT) และ KP.3.3 (FLuQE) สามารถแพร่เร็วขึ้นจากการกลายพันธุ์หลายจุดด้วยกัน . สรุปอาการโควิด 2568 สายพันธุ์โอมิครอน XEC มีอะไรบ้าง • มีไข้สูง หนาวสั่น ไม่สบาย • ไอต่อเนื่อง เจ็บคอ • สูญเสียการรับกลิ่นหรือรส • หายใจลำบาท • รู้สึกเหนื่อยล้าหรือหมดแรง • ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดศีรษะ • คัดจมูก น้ำมูกไหล อาเจียน • เบื่ออาหาร ท้องเสีย . การป้องกัน โควิด 2568 สายพันธุ์โอมิครอน XEC มีอะไรบ้าง • ฉีดวัคซีนป้องกัน หากยังไม่ได้รับ • รับวัคซีนเพื่อให้ภูมิคุ้มกันเป็นปัจจุบัน • สวมหน้ากากอนามัย • หลีกเลี่ยงการรวมตัวของคนจำนวนมาก • รักษาระยะห่างจากผู้อื่น • รักษาสุขอนามัยที่ดี เช่น ล้างมือบ่อยๆ • แยกตัว หากคุณมีอาการข้างต้น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส . ส่วนระยะเวลาการหายจากโควิดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งปริมาณเชื้อ สายพันธุ์ของไวรัส และระดับภูมิคุ้มกันของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปผู้ที่มีอาการน้อยหรือร่างกายแข็งแรง อาจหายได้ภายในไม่กี่วัน ขณะที่บางรายอาจต้องใช้เวลานานขึ้นในการฟื้นตัว . ขอให้ทุกท่านไม่ตื่นตระหนก แต่ต้องไม่ประ มาท ดูเเลสุขภาพกันด้วยนะคะ ด้วยความห่วงใยจากโรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์

อ่านต่อ 2025/05/15


สัญญาณเหล่านี้ อาจเป็นสาเหตุของโรคไทรอยด์เป็นพิษ
สัญญาณเหล่านี้ อาจเป็นสาเหตุของโรคไทรอยด์เป็นพิษ . โรคไทรอยด์เป็นพิษ คือ ภาวะที่ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนไทรอยด์ออกมามากผิดปกติ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายกระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้มีการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินความจำเป็น ซึ่งจะส่งผลทำให้มีอาการและอาการแสดงจากอวัยวะต่าง ๆ ได้หลายระบบ . อาการของโรคไทรอยด์เป็นพิษ อาการของไทรอยด์เป็นพิษ ได้แก่ ใจสั่น มือสั่น เหนื่อยง่ายกว่าปกติ น้ำหนักลดลง ถ่ายอุจจาระบ่อยหรือถ่ายเหลวมากขึ้น อาจมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ในบางรายอาจมีปัญหานอนไม่หลับ หรือในเพศหญิงอาจมีประจำเดือนมาผิดปกติแบบประจำเดือนมาน้อยลงหรือรอบประจำเดือนห่างมากขึ้น โรคไทรอยด์เป็นพิษในผู้ป่วยบางรายพบมีต่อมไทรอยด์ที่อยู่บริเวณคอมีขนาดโตมากขึ้น บางรายอาจพบลักษณะตาโปนมากขึ้นได้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษพบมีหัวใจเต้นเร็วขึ้นและก็อาจมีหัวใจเต้นผิดจังหวะร่วมด้วย . การวินิจฉัยโรคไทรอยด์เป็นพิษ แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และส่งตรวจเลือดยืนยันทางห้องปฎิบัติการเพื่อวัดระดับฮอร์โมนไทรอยด์ (Thyroid function test) โดยผู้ป่วยโรคไทรอยด์เป็นพิษจะพบมีผลเลือดฮอร์โมนไทรอยด์สูงกว่าค่าปกติ . ใครบ้างที่ควรตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรค ไทรอยด์ • ผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นไทรอยด์ • ผู้ที่มีน้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้น 3 กิโลกรัม ภายใน 1เดือน • ผู้ที่รู้สึกคอโตหรือคลำเจอก้อนที่บริเวณคอ . แพ็คเกจตรวจคัดกรองการทำงานของ ต่อมไทรอยด์ Pack A ราคา 1,299.- รายการตรวจประกอบด้วย 1. ตรวจร่างกายเบื้องต้น พร้อมรับคำปรึกษาจากแพทย์ Physical Examination (PE) 2. ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ Thyroid stimulation hormone (TSH) 3. ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ Free T3 4. ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ Free T4 . แพ็คเกจตรวจคัดกรองการทำงานของ ต่อมไทรอยด์ Pack B ราคา 2,999.- รายการตรวจประกอบด้วย 1. ตรวจร่างกายเบื้องต้น พร้อมรับคำปรึกษาจากแพทย์ Physical Examination (PE) 2. ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ Thyroid stimulation hormone (TSH) 3. ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ Free T3 4. ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ Free T4 5. U/S Thyroid . เงื่อนไขการรับบริการ • หากผู้เข้ารับบริการต้องการซื้อแพ็กเกจที่ 2 จะต้องทำการนัด U/S ล่วงหน้าหรือทำนัดหลังจากเข้ารับบริการเจาะเลือด (ตามที่ผู้รับบริการสะดวก) เพื่อผู้รับบริการจะได้ทำการ U/S กับแพทย์รังสีที่มีความเชียวชาญ เพื่อให้ได้ผล U/S ที่ถูกต้องและแม่นยำที่สุด • โปรโมชั่นเริ่มตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธ.ค. 2568 • ราคาดังกล่าว รวมค่าบริการโรงพยาบาลแล้ว • โรงพยาบาลขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

อ่านต่อ 2025/05/14


Anthrax โรคเเอนเเทรกซ์ หากมีอาการรุนแรงมีโอกาสเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 80
Anthrax โรคเเอนเเทรกซ์ หากมีอาการรุนแรงมีโอกาสเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 80 . โรคเเอนเเทกซ์ เป็น โรคติดต่อร้ายแรง ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย พบได้ทั่วไปตามธรรมชาติโดยเฉพาะในดิน น้ำ และวัสดุจากพืช สัตว์ เชื้อทนความร้อนและเย็นได้ดีโดยสปอร์ของเชื้อ สามารถอยู่ในดินได้นานกว่า 10 ปี . การติดต่อ • การสัมผัสสัตว์ หรือชำแหละ สัตว์ที่ป่วย • การรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อ • ติดจากการหายใจ เอาฝุ่นดิน หรือซากสัตว์ที่มีสปอร์เชื้อเข้าไป . กลุ่มเสี่ยง • คนชำแหละสัตว์ • คนที่ชอบทานเนื้อดิบ • สัตว์แพทย์ สัตวบาล • คนเลี้ยงสัตว์ • คนทำงานในโรงหนัง ขนสัตว์ . อาการ • มีไข้ • คลื่นไส้ อาเจียน • ปวดท้องรุนแรง • มีแผลคล้ายบุหรี่จี้ • หายใจขัด หายใจลำบาก . การป้องกัน • หลีกเลี่ยงการสัมผัสโค กระบือ แพะ แกะ • ล้างมือ ชำระล้างร่างกาย หลังสัมผัสสัตว์ • เลือกบริโภคเนื้อสัตว์ ที่ได้รับการรับรอง อาหารปลอดภัย • หากพบสัตว์ป่วยตายผิดปกติ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทันที • หากคุณมีอาการผิดปกติ ให้รีบพบแพทย์ทันที ขอบคุณข้อมูลจาก : กองโรคติดต่อทั่วไปกรมควบคุมโรค

อ่านต่อ 2025/05/02


ดัชนีความร้อน ระดับไหนที่ทำให้เกิด “Heatstroke”
ดัชนีความร้อน ระดับไหนที่ทำให้เกิด “Heatstroke” . "ค่าดัชนีความร้อน" คือ อุณหภูมิที่คนเรารู้สึกได้ว่า ขณะนั้นอากาศร้อนเท่าไรเป็นสภาวะที่ท้ำให้ร่างกายเรารู้สึกร้อนมากกว่าอุณหภูมิตามจริง . ระดับดัชนีความร้อนระดับไหนที่ทำให้เกิด Heatstroke * ระดับเฝ้าระวัง อุณหภูมิคือ 27-32 เซลเซียส มีอาการเบื้องต้น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ มีผื่นบวม * ระดับเตือนภัย อุณหภูมิคือ 32- 41 เซลเซียส มีความเสี่ยงที่จะเป็น ตะคริวจากความร้อนและเกิดโรคเพรียแดด * ระดับอันตราย อุณหภูมิคือ 41- 54 เซลเซียส เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคลมร้อนหรือฮีทสโตรกหากสัมผัสความร้อนต่อเนื่อง * ระดับอันตรายมาก อุณหภูมิคือ มากกว่า 54 เซลเซียส มีความเสี่ยงสูงมาก ที่จะเกิดโรคลมร้อน หรือ ฮีทสโตรก ความร้อนต่อเนื่อง . หมายเหตุ: อุณหภูมิอากาศ คือปัจจัยพื้นฐานในการศึกษาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลา ปี ฤดูกาล เดือน และวัน ข้อมูลจาก : กรมอุตุนิยมวิทยา

อ่านต่อ 2025/05/02


5 โรคร้ายต้องระวัง ช่วงสงกรานต์
5 โรคร้ายต้องระวัง ช่วงสงกรานต์ ช่วงสงกรานต์เป็นอีกหนึ่งเทศกาลแห่งความสนุกสนาน แต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยโรคร้ายต่างๆ เนื่องจากเป็นช่วงหน้าร้อนที่มีการเพิ่มจำนวนของเชื้อโรคได้ง่ายอีกทั้งความอับชื้นจากกิจกรรมเล่นน้ำในช่วงสงกรานต์ ซึ่งเราได้รวบรวมมาให้แล้วกับ 5 โรคร้ายที่ต้องระวัง . 1. โรคไวรัสตับอักเสบเอ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสติดต่อกันผ่านทางน้ำลาย โดยในช่วงเทศกาลเล่นน้ำอาจทำให้มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ใช้แก้วน้ำร่วมกัน ใช้ช้อนร่วมกัน 2. ตาแดง ตาอักเสบ การติดเชื้อไวรัสในทางเดินหายใจเป็นเชื้อที่อยู่ในอากาศ ถ้าหากเป็นการติดเชื้อที่ดวงตาจากน้ำสกปรกจะเป็นโรคตาอักเสบ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ดวงตาจะเป็นหนองบวมและอักเสบ 3. เชื้อรา โดยเฉพาะบริเวณซอกต่าง ๆ ตามร่างกาย อย่างซอกนิ้วมือ นิ้วเท้า ขาหนีบ บริเวณข้อพับต่าง ๆ 4. ท้องร่วง ท้องเสีย เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสที่ปนเปื้อนในอาหาร ฤดูร้อนเป็นฤดูที่เชื้อโรคเพิ่มจำนวนได้ง่าย ทำให้มีความเสี่ยงสูง 5. ไข้หวัด ปอดอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อ ทางระบบทางเดินหายใจ ซึ่งการเล่นน้ำทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง . ข้อมูลจาก อ. นพ.ประวัฒน์ จันทฤทธิ์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล . ให้เราดูแลคุณในทุกปัญหาสุขภาพ สงกรานต์นี้อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ

อ่านต่อ 2025/04/10


ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) สาเหตุ อาการ เเละการรักษา
ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) สาเหตุ อาการ เเละการรักษา . ด้วยรูปแบบการทำงานของคนยุคใหม่ที่ส่วนใหญ่นั่งติดโต๊ะทำงานและจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวันส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย โดยเฉพาะอาการปวดที่มักเริ่มจากเล็กๆ น้อยๆ ไปจนเรื้อรังและรุนแรง กลายเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ได้ในที่สุด เพราะฉะนั้นก่อนจะสายเกินแก้ ลองสำรวจตัวเองและดูแลป้องกันตั้งแต่วันนี้ . รู้ให้ทันโรคออฟฟิศซินโดรม โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เป็นกลุ่มอาการที่พบบ่อยในคนวัยทำงานที่อยู่ในสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม คือ นั่งทำงานตลอดเวลาโดยไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายส่งผลให้เกิดการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง และอาจมีอาการชาร่วมด้วยในบริเวณต่างๆ ได้แก่ หลังไหล่ บ่า แขน ฯลฯ หากปล่อยทิ้งไว้จะมีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอาจส่งผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย . ต้นเหตุของความปวด •นั่งหน้าคอมพิวเตอร์หรือทำงานด้วยท่าทางซ้ำๆ ติดต่อกันนานเกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน •ท่าทางขณะทำงานไม่ถูกต้อง เช่น นั่งหลังค่อมก้มหรือเงยคอมากไป •จ้องหรือเพ่งจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป ไม่พักสายตาจนปวดตา ปวดศีรษะ •สภาพแวดล้อมที่ทำงานไม่เหมาะสม เช่น โต๊ะเก้าอี้ไม่เหมาะกับสรีระ อากาศเหม็นอับไม่ถ่ายเท •เครียดมากเกินไปจากสาเหตุต่างๆ เช่น งานเยอะทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ . 5 สัญญาณเตือนออฟฟิศซินโดรม 1. ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังเฉพาะจุด บริเวณคอ บ่า ไหล่ หลัง แขน สะบัก ฯลฯ อาจปวดร้าว ปวดล้าๆ บริเวณใกล้เคียง 2. ร่างกายมีอาการซ่า วูบ เย็น เหน็บ ยึด ขนลุก 3. ชาแขนและมือ อ่อนแรง 4. มึน ปวดศีรษะเรื้อรังหรือไมเกรน 5. นิ้วล็อค ข้อมือล็อค เส้นเอ็นอักเสบ เกิดพังผืด ยึดจับ ทำให้ปวดปลายประสาท ระดับความรุนแรงของ ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ระดับที่ 1 เมื่อเกิดอาการขึ้นระยะหนึ่งพักแล้วอาการจะดีขึ้นทันที สามารถรักษาได้ด้วยตนเอง ระดับที่ 2 เมื่อเกิดอาการขึ้น พักนอนหลับแล้ว แต่ยังคงมีอาการอยู่ ดูแลด้วยตนเองและพบแพทย์ ระดับที่ 3 เมื่อเกิดอาการจะปวดมากพักแล้วอาการก็ยังไม่บรรเทา พบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้อง . 6 วิธีง่ายๆ ปรับพฤติกรรมขณะทำงาน 1) ปรับความสูงของเก้าอี้และโต๊ะให้นั่งสบาย นั่งหลังตรงชิดขอบด้านในเก้าอี้ 2) กึ่งกลางจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ระดับสายตา กระพริบตาบ่อยๆ พักสายตาทุกๆ 10 นาที 3) แป้นคีย์บอร์ดในการพิมพ์งานควรอยู่ระดับข้อศอก ข้อมือ 4) ใช้เมาส์โดยพักข้อศอกบนที่รองแขน เคลื่อนไหวได้แบบไม่จำกัด 5) เปลี่ยนท่าทางการทำงานทุก 20 นาที 6) ยืดเหยียดกล้ามเนื้อมือและแขนทุก 1 ชั่วโมง การปฏิบัติตามคำแนะนำดังกล่าวสามารถช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดออฟฟิศซินโดรมและทำให้สภาพแวดล้อมการทำงานเหมาะสมมากยิ่งขึ้น . ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สสส. สำนักงานทองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

อ่านต่อ 2025/03/19


นอนกรน เรื่องเล็กๆ..แต่ แฝงปัญหาใหญ่
นอนกรน เรื่องเล็กๆ..แต่ แฝงปัญหาใหญ่ . นอนกรนเกิดจากการที่กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนบน มีการหย่อนตัวลง ทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบ เมื่อมีลมหายใจ ผ่านก็จะทำให้เนื้อเยื่อดังกล่าวเกิดการสั่นสะเทือนและกระพือจนทำให้เกิดเป็นเสียงกรน ซึ่งการนอนกรนเป็นหนึ่งในอาการสำคัญของภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea, OSA) . ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงนอนกรน • คนที่ป่วยเป็นภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ริดสีดวงจมูก โครงสร้างของจมูกผิดปกติ เช่น ผนังกั้นช่องจมูกคด เป็นต้น กลุ่มนี้ทางเดินหายใจจะถูกปิดกั้น • คนที่หลับลึก ดื่มแอลกอฮอล์หนัก ใช้ยานอนหลับ คนสูงอายุกลุ่มนี้ลิ้นและกล้ามเนื้อที่ลำคอจะหย่อนคลายตัวถอยกลับไป อุดกั้นทางเดินหายใจ • คนอ้วน น้ำหนักมาก คอหนา ขนาดรอบคอมากกว่า 43เซนติเมตร ต่อมทอนซิลหรืออะดีนอยด์โต ทำให้เนื้อเยื่อลำคอมีขนาดใหญ่ • คนที่มีเพดานอ่อนหย่อนหรือลิ้นไก่ยาว ส่งผลให้ทางเดินหายใจหลังจมูกและบริเวณลำคอตีบแคบลง เมื่อเพดานอ่อนหรือลิ้นไก่สั่นหรือชน จึงไปปิดกั้นทางเดินหายใจ . การรักษาทั่วไป 1. ลดน้ำหนักอย่างน้อย 10% ของน้ำหนักร่างกาย ช่วยให้หลับดีขึ้น 2. เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ภายใน 4 ชั่วโมงก่อนนอนหรือใช้ยานอนหลับเพราะจะกดการหายใจ ทำให้อาการแย่ลง 3. นอนตะแคง บางคนหยุดหายใจขณะหลับในท่านอนหงาย หนุนหมอนข้างเอาไว้ด้านหลังช่วยได้ . การรักษาเฉพาะ 1. ใช้เครื่องอัดอากาศอย่างบวก (Positive Airway Pressure; PAP) ได้ผลดีที่สุด มีหน้ากากสวมทับบริเวณจมูกในขณะหลับ 3. Oral Appliance หรือทันตอุปกรณ์ที่เลื่อนคางมาด้านหน้าเหมาะสำหรับผู้มีระดับอาการรุนแรงน้อยถึงปานกลาง 2. การผ่าตัดทอนซิลหรือต่อมอะดีนอยด์ขนาดใหญ่ (มักผ่าตัดในเด็ก) การผ่าตัดตกแต่งลิ้นไก่ เพดานอ่อน และช่องคอ จะช่วยลดอาการคัดแน่นจมูกและช่วยเรื่องการนอนกรนได้ แต่อาจไม่เพียงพอสำหรับการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นได้ . ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สสส. สำนักงานทองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

อ่านต่อ 2025/03/11


หมอแล็บเตือน "โรคไข้อีดำอีแดง" (Scarlet Fever) กำลังระบาด บางโรงเรียนต้องประกาศหยุดเรียนเพื่อป้องกัน
หมอแล็บเตือน "โรคไข้อีดำอีแดง" (Scarlet Fever) กำลังระบาด บางโรงเรียนต้องประกาศหยุดเรียนเพื่อป้องกัน ชี้เป็นโรคติดเชื้อจากแบคทีเรีย ที่มักจะเจอในเด็ก อายุ 5-15 ปี . ไข้อีดำอีแดงระบาด บางโรงเรียนต้องหยุดเรียน! . ไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย สเตรปโตคอคคัสชนิดเอ มักจะเจอในเด็กวัยเรียน อายุ 5-15 ปี . แบคทีเรียชนิดนึ้สร้างสารพิษได้ ทำให้เกิดผื่นแดงขึ้นตามตัว เชื้อนี้สามารถติดต่อผ่าน: • การไอหรือจาม • การสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก • การใช้ของร่วมกัน เช่น ของเล่น หรือข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ อาการ ผู้ป่วยมักจะแสดงอาการภายใน 1 สัปดาห์หลังติดเชื้อ • มีไข้สูง • เจ็บคอ อาจมีหนองหรือจุดเลือดออกที่ต่อมทอนซิล • ผื่นแดงสากคล้ายกระดาษทราย เริ่มจากลำตัวและกระจายไปแขนขา มักไม่ขึ้นที่ใบหน้า แต่แก้มจะแดงและมีวงซีดรอบปาก • ลิ้นแดงเป็นปุ่มๆคล้ายสตรอเบอร์รี่ • อาการอื่น ๆ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น และปวดท้อง เนื่องจากเป็นเชื้อแบคทีเรีย ก็เลยรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ซึ่งถ้าไม่รักษาอาจเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น โรคไข้รูมาติก หรือหน่วยไตอักเสบเฉียบพลันได้ . ถ้าพบการระบาดก็ควรให้หยุดเรียนหรือแยกตัวเด็กป่วยออกจากคนอื่นจนกว่าได้ยาปฏิชีวนะไปแล้วอย่างน้อย 24 ชั่วโมงจึงจะไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่นต่อไปนะครับ . ขอขอบคุณข้อมูลจาก #หมอเเล็ปเเพนด้า

อ่านต่อ 2025/02/28


ให้เรา..ดูเเลหัวใจคุณ โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์เปิดให้บริการห้องปฏิบัติการตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจและรังสีร่วมรักษา
ให้เรา..ดูเเลหัวใจคุณ ห้องปฏิบัติการตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจและรังสีร่วมรักษาพร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัยอาการผิดปกติด้านหัวใจและให้การรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ ที่มีความซับซ้อนด้วยความเชี่ยวชาญในการรักษา ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการตรวจวินิจฉัยและวิเคราะห์โรคหัวใจที่ได้มาตรฐาน พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง . การให้บริการของห้องปฏิบัติการตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจและรังสีร่วมรักษา * ทำการฉีดสีเพื่อตรวจวินิจฉัยหลอดเลือดหัวใจ * ขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและใส่ขดลวดค้ำยัน * ทำการฉีดสีเพื่อดูการบีบตัวและตรวจวินิจฉัยลิ้นหัวใจผิดปกติ * ตรวจวัดความดันภายในหัวใจหลอดเลือดและปอด * ทำการใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจแบบต่าง ๆ * การจี้ไฟฟ้าหัวใจ รักษาภาวะ ที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ . หากมีอาการที่สงสัยของโรคหัวใจหรือเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจตีบ สามารถเข้ารับบริการได้ที่ โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์ . เราพร้อมดูแลสุขภาพหัวใจทุกดวงด้วยแพทย์เฉพาะทาง สอบถามเพิ่มเติม โทร 02-8746766 ถึง 70 FB : https://bit.ly/3aXhegb Line Official : @sshospital มี@ด้านหน้า หรือ https://bit.ly/3B84T39 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/MeGWbf3N7jTLtY8i9 ---------------------------------------

อ่านต่อ 2025/02/19


TACE ทางเลือกในการรักษามะเร็งตับ ไม่ต้องผ่าตัด ลดผลข้างเคียง
TACE ทางเลือกในการรักษามะเร็งตับ ไม่ต้องผ่าตัด ลดผลข้างเคียง . การรักษามะเร็งตับด้วยวิธี TACE TACE ย่อมาจาก TransarterialChemoembolization เป็นการรักษาโรคมะเร็งตับ ในระยะที่ 3 หรือที่เรียกว่าระยะ Intermediate Stage ซึ่งการรักษาด้วยวิธี TACE คือการให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะที่ โดยแพทย์จะทำการเจาะผิวหนังให้เป็นแผลขนาดเล็ก เพื่อสอดสายให้ยาบริเวณขาหนีบด้านขวาหรือซ้าย หลังจากนั้นจะทำการใส่สายสวนหลอดเลือดเข้าไปยังตำแหน่งที่มีก้อนมะเร็งอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นก้อนมะเร็งที่ตับ แล้วจึงให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะที่ . ขั้นตอนการทำ TACE การตรวจรักษาต้องกระทำในห้องเอ็กซเรย์หลอดเลือดโดยการฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณขาหนีบ และใส่สายสวนไปในหลอดเลือดแดงที่ตับ โดยแพทย์สามารถมองเห็นสายสวนเคลื่อนไปตามหลอดเลือดได้จากจอรับภาพจากเครื่องเอ็กซเรย์เมื่อสายสวนเคลื่อนไปยังจุดที่ต้องการ จึงทำการฉีดสารทึบรังสีเพื่อดูพยาธิสภาพอและลักษณะของหลอดเลือด จากนั้นจึงให้ยาเคมีบำบัดผสมสารทึบรังสี ฉีดเข้าบริเวณก้อนเนื้องอกและทำการอุดกั้นหลอดเลือดจนกระทั่งไม่มีเลือดไปเลี้ยงก้อนมะเร็ง . การทำ TACE มีประโยชน์ต่อคนไข้มะเร็งตับอย่างไร 1. ก้อนมะเร็งถูกทำลายโดยตรงจากยาเคมีบำบัดและจากการขาดเลือดไปเลี้ยง 2. ปริมาณของยาเคมีบำบัดที่ใช้ปริมาณน้อยทำให้ลดผลข้างเคียงต่อร่างกายส่วนอื่น ๆ 3. ใช้เวลาพักฟื้นน้อย คนไข้ไม่ต้องนอน รพ.นาน . การติดตามผลหลังเข้ารับการรักษาด้วย TACE หลังคนไข้เข้ารับการรักษาด้วยวิธี TACE แพทย์จะทำการติดตามผลการรักษา ด้วยเครื่อง CT Scan หรือ MRI ภายใน 4 สัปดาห์หลังจากเข้ารับการรักษา เพื่อทำการประเมินว่าลักษณะของก้อนมะเร็งมีขนาดเป็นอย่างไร ยุบลงมากน้อยไค่ไหน หรือมีการตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดระดับไหน หากมีการตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดได้ดี อาจจะทำการรักษาต่อเนื่องอีกไม่กี่ครั้งก็สามารถคุมโรคได้ หลังจากนั้นก็แค่นัดคนไข้มาติดตามอาการต่อเป็นระยะ . TACE กับการรักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลาม โดยปกติหากคนไข้มีก้อนมะเร็งขนาดใหญ่ หรือเป็นมะเร็งระยะลุกลามมาก หากไม่ทำการรักษา โอกาสเสียชีวิตสูง ในระยะเวลาสั้น แต่หากเข้ารับการรักษาด้วยวิธี TACE จากงานวิจัยหรือผลการรักษาที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า TACE มีประโยชน์อย่างมากหากก้อนมะเร็งตอบสนองต่อการรักษาได้ดี จะสามารถยืดอายุของผู้ป่วยมะเร็งออกไป 2-5 ปี . วิธีการดูแลตัวเองก่อนและหลังการรักษา 1. ก่อนรักษาต้องงดน้ำและอาหาร 6 ชม. และคนไข้จะได้รับตรวจเลือดและเอ็กซเรย์อย่างละเอียด 2. หลังทำการรักษาแพทย์จะดึงสายสวนออก และทำการห้ามเลือดบริเวณขาหนีบ ผู้ป่วยจึงต้องนอนราบบนเตียง และงอขาหนีบภายใน 6-8 ชม.แรก หลังการรักษา 3. คนไข้ต้องนอนพักเพื่อดูอาการอย่างน้อย 1 วันหลังการรักษา 4.เข้ารับการตรวจประเมินผลการรักษาภายใน 4 สัปดาห์กรณีก้อนมีขนาดใหญ่ หรือหลายตำแหน่ง อาจต้องรักษามากกว่า 1 ครั้ง คนไข้ควรมาทำการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด . TACE ทางเลือกในการรักษามะเร็งตับ ไม่ต้องผ่าตัด ลดผลข้างเคียง : น.อ.นพ.เถลิงเกียรติ แจ่มอุลิตรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีร่วมรักษา โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์

อ่านต่อ 2025/02/10


ไข้หวัดใหญ่ อาการเป็นแบบไหนใครกลุ่มเสี่ยง
ไข้หวัดใหญ่ อาการเป็นแบบไหนใครกลุ่มเสี่ยง . โรคไข้หวัดใหญ่ คืออะไร โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ พบบ่อยในฤดูฝน (มิถุนายน-ตุลาคม) และฤดูหนาว (มกราคม-มีนาคม) ของทุกปี อาการของโรคจะมีตั้งแต่อาการเล็กน้อยไปจนถึงอาการที่รุนแรงและเสียชีวิตได้ . ไข้หวัดใหญ่มีความแตกต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร เกิดจากเชื้อไวรัสต่างชนิดกัน และมีความรุนแรงแตกต่างกัน โดยไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) ส่วนไข้หวัดธรรมดานั้นเกิดจากการเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ เช่น rhinovirus, adenovirus เป็นต้น โดยไข้หวัดใหญ่มักจะมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ . ไข้หวัดใหญ่ในคนมีกี่สายพันธุ์ ไข้หวัดใหญ่ในคนมีทั้งหมด 3 สายพันธุ์ คือ A, B และ C แต่มีเพียงสายพันธุ์ A และ B ที่มีการระบาดโดยทั่วไป โดยไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A แบ่งออกเป็นหลายซัปไทด์ ซัปไทด์ที่มีการระบาดเป็นประจำคือ H1N1 และ H3N2 ส่วนไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B แบ่งออกเป็น 2 lineages คือ Victoria และ Yamagata โดยอาการมักไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์ A . ไข้หวัดใหญ่ติดต่อได้อย่างไร ไข้หวัดใหญ่ติดต่อจากการสัมผัสละอองฝอยจากการไอและการจามของผู้ป่วย เชื้อไวรัสจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก และน้ำลาย โดยผู้ป่วยจะมีอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 1-4 วัน . อาการของโรคไข้หวัดใหญ่เป็นอย่างไร ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่มีอาการแตกต่างกันตามอายุ โดยในกลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นจะมีอาการของไข้สูงเฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัวและกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะในบริเวณหลัง ต้นแขน ต้นขา มีน้ำมูกใส คัดจมูก ไอแห้ง เจ็บคอ และเบื่ออาหาร ส่วนในเด็กเล็กจะมีไข้สูง ร่วมกับอาการทางระบบอื่น เช่น ถ่ายเหลว คลื่นไส้อาเจียน และชักจากไข้สูง . ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ - หญิงมีครรภ์ - เด็กเล็ก อายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี - บุคคลที่มีอายุ 65 ปี ขึ้นไป - ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หืด หัวใจ ไตวาย หลอดเลือดสมอง เบาหวาน ธาลัสซีเมีย มะเร็งที่อยู่ระหว่างได้รับเคมีบำบัด ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ติดเชื้อเอชไอวี - ผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร . ไข้หวัดใหญ่รักษาอย่างไร? ไข้หวัดใหญ่สามารถหายเองได้ หากมีอาการไม่รุนแรงสามารถดูแลเองที่บ้านและรักษาตามอาการ เช่น เมื่อมีไข้สูงให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว และใช้ยาลดไข้พาราเซตามอล หรือถ้ามีน้ำมูกให้ใช้ยาลดน้ำมูกและยาละลายเสมหะ ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารอ่อนและให้นอนพักผ่อน ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อน อาจต้องใช้ยาต้านไวรัส โอลเซลทามิเวียร์ (oseltamivir) ในการรักษา ผู้ป่วยที่มีอาการหอบเหนื่อย สงสัยปอดอักเสบหรือมีอาการที่รุนแรงอื่น อาจมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการรักษาโดยการนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพื่อได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด . มีวิธีป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่อย่างไรบ้าง ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด หรือถ้าจำเป็นควรปิดปาก จมูกด้วยหน้ากากอนามัย ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด และอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานานโดยไม่จำเป็น หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง . ทำไมต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่เรื่อย ๆ ในการผลิตวัคซีนแต่ละปีจึงมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตามเชื้อไวรัสด้วยเช่นกัน และเนื่องจากระยะก่อโรคสั้น จำเป็นต้องมีภูมิคุ้มกันสูงเพียงพอเพื่อเตรียมพร้อมในการป้องกันโรค ดังนั้นจึงต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี ขอขอบคุณข้อมูลจาก: สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย

อ่านต่อ 2025/02/07


ส่องกล้องทางเดินอาหาร ผลแม่นยำ รู้ทันโรคร้าย
ส่องกล้องทางเดินอาหาร ผลแม่นยำ รู้ทันโรคร้าย . การส่องกล้องทางเดินอาหารยังเป็นหนึ่งในการตรวจคัดกรองมะเร็งกระเพาะอาหารที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมะเร็งกระเพาะอาหารเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยและเป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆของมะเร็งในประเทศไทย สัญญาณเตือนความผิดปกติของโรคทางเดินอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาการอาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระมีเลือดปน ท้องผูก หรือ ท้องเสียเรื้อรัง จุกแน่นลิ้นปี่ ท้องอืด ท้องเฟ้อ กลืนลำบาก น้ำหนักลด ตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งมักวินิจฉัยได้เมื่อมีอาการลุกลามแล้ว เป็นสัญญาณสุขภาพอันตรายที่ไม่ควรละเลยมองข้าม และควรเร่งได้รับการตรวจวินิจฉัยเพื่อการรักษาอย่างถูกทางด้วย . การส่องกล้องทางเดินอาหาร มีด้วยกัน 2 แบบ คือ 1.Gastroscopy - ส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนต้น 2.Colonoscopy - ส่องกล้องลำไส้ใหญ่ . การเตรียมตัวก่อนการส่องกล้อง มีดังนี้ 1.แจ้งโรคประจำตัว ยาที่ใช้ การแพ้ยาและประวัติการผ่าตัดแก่แพทย์ 2.งดน้ำและอาหารก่อนตรวจ 6-8 ชม. 3.งดทานยาเคลือบกระเพาะอาหาร 4.ถอดฟันปลอมออกก่อนตรวจ (กรณีใส่ฟันปลอมแบบถอดได้)

อ่านต่อ 2025/01/30


ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างไรบ้าง
ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างไรบ้าง . ฝุ่น PM 2.5 มีความสัมพันธ์กับโรคภูมิแพ้อย่างมาก เพราะกลไกการอักเสบที่ลงลึกไปที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบนและระบบทางเดินหายใจส่วนล่างส่งผลต่อภูมิแพ้ทางเดินหายใจและภูมิแพ้ผิวหนัง เวลาที่สูดเข้าไปจะเกิดการอักเสบทั้งทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ภูมิแพ้โพรงจมูก จาม น้ำมูก คัดจมูก ลามไปถึงโพรงไซนัสอักเสบ ส่วนการอักเสบทางเดินหายใจส่วนล่างคือ บริเวณหลอดลมกับถุงลม ดังนั้นฝุ่น PM 2.5 นอกจากสัมพันธ์กับภูมิแพ้ยังสัมพันธ์กับโรคหอบหืดอีกด้วย ที่น่าสนใจคือมีข้อมูลระบุว่า เมื่อร่างกายได้รับฝุ่น PM 2.5 เพิ่มขึ้นจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้เดิมได้ไวขึ้น และเกิดการแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้ชนิดใหม่เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งทำให้โรคภูมิแพ้โพรงจมูก โรคหอบหืดกำเริบรุนแรงขึ้นได้ . พญ.ฉันทนา ผดุงทศ ผอ.กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลกระทบฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ว่า ข้อมูลสะสมตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567-มกราคม 2568 มีรายงานผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคที่เฝ้าระวังประมาณ 1 ล้านราย มากที่สุดคือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นราว 2 แสนราย เป็นต้น . ทั้งนี้ การที่คนเราได้รับฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่อง กรณีที่ป่วยอยู่แล้ว ในระยะยาวจะทำให้ป่วยรุนแรง เช่นปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือหอบหืดอยู่แล้ว แทนที่จะหายใจได้บ้างก็กลายเป็นหายใจลำบาก เพราะฝุ่นทำให้โรคไม่หายเสียที นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับสารเคมีตัวอื่นที่เกาะกับฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ร่างกายได้ด้วย ฝุ่น PM 2.5 เข้าไปได้ลึกถึงถุงลม สารเคมีที่มาจับกับฝุ่นก็ลงไปได้ลึกเท่านั้น ที่เรากังวลคือการก่อมะเร็งปอดในอนาคต . ฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบเซลล์หลอดเลือด เมื่อถามว่า การได้รับฝุ่น PM2.5 อยู่เรื่อยๆ ระยะยาวทำให้อวัยวะที่ได้รับผลกระทบทำงานอ่อนแอลงด้วยหรือไม่ พญ.ฉันทนา กล่าวว่า คงไม่เหมือนโควิด ซึ่งผลกระทบจริงๆ ของฝุ่น PM 2.5 นั้นเข้าไปทำร้ายเซลล์หลอดเลือด เช่น เส้นเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากฝุ่นฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้ผนังเส้นเลือดไม่แข็งแรง หรือกรณีที่เกิดอัมพาต อัมพฤกษ์ โรคเกี่ยวกับสมองเพราะฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้เส้นเลือดสมองไม่แข็งแรง ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย . อันตราย! ผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด เมื่อถามว่า ฤดูฝุ่นมาเป็นระยะ พอพ้นไปแล้วร่างกายจะสามารถฟื้นตัวได้หรือไม่ พญ.ฉันทนา กล่าวว่า ถ้าเป็นกรณีการอักเสบ เหมือนเป็นแผล ถ้าไม่มีฝุ่น PM2.5 เข้ามาทำให้เกิดการระคายเคืองอีก ก็สามารถหายได้ แต่กรณีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืดก็จะเข้าสู่ภาวะโรคปกติ เช่น ยังต้องพ่นยาอยู่ แต่ก็ไม่ต้องพ่นเยอะเหมือนช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 แต่ในส่วนของมะเร็งนั้น อาจจะต้องดูระยะยาว นี่คือสิ่งที่เราต้องติดตาม . วิธีป้องกันตัวเองจาก ฝุ่น PM2.5 1. สวมหน้ากากอนามัย ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับการใช้งาน เช่น หน้ากากอนามัย N95 หรือ N99 ซึ่ง สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองเข้ามาภายในอาคาร และการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในบ้านช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศในพื้นที่ปิด 3. หลีกเลี่ยงการออกไปนอกอาคารในช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูง โดยเฉพาะในช่วงเช้าและเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่ฝุ่นจะกระจายมากที่สุด หากจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ให้พยายามอยู่ในที่ที่มีอากาศหมุนเวียนดี หรือใส่หน้ากากตลอดเวลา นอกจากนี้ ควรล้างหน้า ล้างมือ และอาบน้ำทันทีเมื่อเข้าบ้าน เพื่อขจัดฝุ่นที่ติดมา 4. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย . แม้ว่าฝุ่น PM 2.5 จะเป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่การป้องกันตัวเองอย่างเหมาะสมสามารถลดผลกระทบต่อสุขภาพได้ การสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น การอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยหรือหากพบอาการผิดปกติให้รีบมาพบแพทย์ทันที ข้อมูลจาก: Hfocus เจาะลึกข้อมูลข่าว,กรมควบคุมโรค

อ่านต่อ 2025/01/30


hMPV ไวรัสทางเดินหายใจอาการเหมือนหวัดแต่อาจเกิดปอดอักเสบรุนแรง
hMPV ไวรัสทางเดินหายใจอาการเหมือนหวัดแต่อาจเกิดปอดอักเสบรุนแรง . hMPV เป็นไวรัสที่ก่ออาการในระบบทางเดินหายใจ และเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปอดอักเสบในเด็ก การติดเชื้อนี้มักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งโรคนี้ยังไม่มียารักษา ต้องรักษาตามอาการเท่านั้น . อาการ 1.มีไข้ ไอเเละเป็นหวัด 2.เจ็บคอ 3.มีน้ำมูกและมีเสมหะ 4.หายใจติดขัด หายใจเหนื่อย หอบ . การป้องกัน 1.ใส่หน้ากากอนามัย 2.หมั่นล้างมือบ่อย ๆ 3.เลี่ยงสถานที่แออัด 4.ไม่ให้เด็กแคะจมูกหรือเอานิ้วเข้าปาก . ขอขอบคุณข้อมูลจาก กรมควบคุมโรค

อ่านต่อ 2025/01/17


ติดต่อเรา

โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์ เลขที่ 272 ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ 10140

02-874-6766 (ถึง) 70
FAX : 02-427-4070
แผนที่และการเดินทาง

              

โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์

เลขที่ 272 ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ 10140

   02-874-6766 (ถึง) 70

                   

ฝากข้อความติดต่อกลับ

ฝากข้อความติดต่อกลับ

-->

กดติดตามรับข่าวสาร

Copyrights © 2025 All Rights Reserved. www.suksawatinterhospital.com Version 1.0. Designed by webbeedev.com +83,230 Times.