Visited +190
2024/10/16 10:10:08
ปลายฝนต้นหนาว คือช่วงรอยต่อระหว่างฤดูฝนกับฤดูหนาว และแน่นอนว่าอากาศในช่วงนี้ จะลดต่ำลงเกือบทุกภูมิภาคของประเทศไทย แถมยังมีมรสุมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สภาพอากาศแปรปรวนบ่อย เป็นสาเหตุทำให้เจ็บป่วยได้หลายโรค . 8 โรคยอดฮิต ช่วงปลายฝนต้นหนาว มาฝาก พร้อมคำแนะนำให้การดูแลสุขภาพในช่วงนี้ มาติดตามกันเลย.... . 1. โรคไข้หวัดใหญ่ โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) สามารถติดต่อกันได้ง่าย จากการไอ จาม ใส่กัน โดยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วย . อาการ : หลังรับเชื้อมักมีอาการทันที หรือประมาณ 1-2 วัน จะมีอาการไข้สูง 38-41 องศาเซลเซียส หลายวัน ตัวร้อน หนาวสั่น มีน้ำมูก ปวดหัวรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียมาก เบื่ออาหาร . วิธีรักษา : รักษาตามอาการ หากมีไข้ให้รับประทานยาลดไข้ ห้ามใช้ยาแอสไพริน หากทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ภายใน 2 วัน ควรรีบพบแพทย์ . 2. โรคปอดบวม (Pneumonia) โรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ เป็นโรคที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบของปอด เกิดได้จากการติดเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา โรคนี้พบได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะจะพบมากในเด็กเล็ก . อาการ : ไอ มีเสมหะ มีไข้ เหนื่อย หายใจลำบาก หายใจหอบเร็ว เจ็บหน้าอก นอกจากนี้บางคนอาจมีอาการอื่น เช่น ปวดท้อง อาเจียน หรือถ่ายเหลวร่วมด้วย โดยเฉพาะในเด็ก . วิธีรักษา : ทุกคนที่มีอาการไข้ไอ เหนื่อย หรือหายใจเร็ว ควรเข้าพบแพทย์ . 3. โรคไข้หวัด (Common cold) ไข้หวัด เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสบริเวณ ทางเดินหายใจส่วนบน เช่นจมูก คอ ไซนัส และกล่องเสียง เชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัด มีสายพันธุ์ย่อย ๆ มากกว่า 200 ชนิดเลยทีเดียว แต่ไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัดได้มากที่สุด คือ ไรโนไวรัส . อาการ : มีไข้ต่ำ ๆ น้ำมูกไหล คัดจมูก ไอแห้ง ๆ หรือไอมีเสมหะเล็กน้อย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อเล็กน้อย . วิธีรักษา : นอนพักผ่อนให้มาก ๆ ดื่มน้ำให้เพียงพอ กินยาลดไข้ ห้ามใช้ยาแอสไพริน . 4. โรคหอบหืด (asthma) โรคหอบหืด ก็เป็นอีกหนึ่งภัยร้ายที่มาพร้อมหน้าฝน เพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ความชื้นที่ทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย ล้วนเป็นสาเหตุหลักที่กระตุ้นให้เกิดภาวะหอบหืดเฉียบพลัน โรคหอบหืดยังไม่มีการรักษาโรคให้หายขาดได้ . อาการ : หอบ หายใจลำบาก ไอในตอนเช้า ตอนกลางคืนมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล โดยทุก 2 ใน 3 รายมักมีโรคภูมิแพ้หูคอจมูกร่วมด้วย . วิธีรักษา : ผู้ป่วยโรคหอบหืด จะมียาประจำในการรักษา ได้แก่ ยากิน ยาฉีด และยาสูดพ่น . 5. โรคไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) ในช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้ เป็นฤดูกาลระบาดของเชื้อไวรัส RSV โดยเฉพาะในทารก หรือเด็กเล็ก จะเป็นโรคนี้กันเยอะมาก โดยเชื้อนี้สามารถทำให้เกิดอาการปอดอักเสบได้ . อาการ : มีไข้ ไอ จาม หอบเหนื่อย หายใจเร็ว มีเสมหะมาก มีเสียงหวีดในปอด หากมีอาการคล้ายปอดอักเสบร่วมด้วยควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์ . วิธีรักษา : รักษาแบบประคับประคองตามอาการป่วย เช่น ให้ ยาแก้ไอ ละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลม ยาแก้หวัด ยาลดน้ำมูก ยาลดไข้ เป็นต้น . 6. โรคอุจจาระร่วง (diarrhea) นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์และโฆษกกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนทำให้มีความชื้นในอากาศมากเชื้อโรคเจริญเติบโต และแพร่เชื้อได้ดี ทำให้อาหาร และน้ำดื่ม มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรคเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดโรคของระบบทางเดินอาหารได้ง่าย โดยเฉพาะโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน . อาการ : ถ่ายเหลว 3 ครั้งขึ้นไป คลื่นไส้ มีไข้สูง อาเจียนบ่อย รับประทานอาหารไม่ได้ . วิธีรักษา : ดื่มเกลื่อแร่โออาร์เอส รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่ายมากกว่าปกติ . 7. โรคมือ เท้า ปาก (Hand Foot Mouth Disease) อีกหนึ่งโรคฮิตของเด็กในหน้าฝน สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเตอโรไวรัส มีหลายสายพันธุ์ ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง ติดต่อผ่านทางระบบทางเดินอาหาร และการหายใจ โรคมือเท้าปากมักระบาดในโรงเรียน ชั้นอนุบาลเด็กเล็ก หรือสถานรับเลี้ยงเด็ก . อาการ : มีไข้ เจ็บปาก น้ำลายไหล มีผื่นเป็นจุดแดง หรือตุ่มน้ำใสที่บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า กินอาหารได้น้อย อาจมีผื่นตามลำตัว . วิธีรักษา : โรคมือเท้าปาก ยังไม่มียารักษาจำเพาะ หลักการรักษาเป็นการรักษาตามอาการ ให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ยาชาเฉพาะที่สำหรับแผลในปาก ดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อชดเชยภาวะขาดน้ำ . 8. โรคหัด (Measles / Rubella) โรคหัดถือเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในเด็กเล็กรวมทั้งเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตของเด็ก การติดเชื้อเกิดจากการรับเชื้อไวรัสผ่านทางอากาศ การสัมผัสละอองน้ำลาย และน้ำมูกของผู้ป่วย ซึ่งช่วง 4 วัน ทั้งก่อน และหลังเกิดผื่นนั้น ถือเป็นระยะเวลาของการแพร่เชื้อ . อาการ : มีไข้สูง มีน้ำมูก ไอ ตาแดง มีผื่นเป็นปื้นสีแดง บริเวณไรผม มาที่หน้า ลำตัว แขน ขา . วิธีรักษา : ยังไม่มีตัวยาที่สามารถรักษา หรือกำจัดเชื้อไวรัสโรคหัดอย่างเฉพาะเจาะจง ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองได้ด้วยการดื่มน้ำวันละ 6–8 แก้ว พักผ่อนให้เพียงพอ หากมีผื่นขึ้น ควรอยู่ในบ้าน เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 4 วันหลังจากผื่นเริ่มปรากฏ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้คนรอบข้าง . วิธีดูแลตนเองในช่วง ปลายฝนต้นหนาว 1. หลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือคลุกคลีกับผู้ป่วย รวมทั้งไม่ใช้สิ่งของรวมกับผู้ป่วย เช่น จาน ช้อนส้อม แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ ถ้ามีผู้ป่วยในบ้าน ควรให้ปิดปากด้วยหน้ากากอนามัย เวลาไอ หรือจาม 2. ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่อย่างถูกวิธี หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ 3. ช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มีคนแออัดอากาศถ่ายเทไม่สะดวก 4. กินอาหารที่มีประโยชน์ งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะทำให้ระบบภูมิต้านทานโรคในร่างกายต่ำลง และติดเชื้อได้ง่าย 5. ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาร่างกายให้อบอุ่น และไม่ใส่เสื้อผ้าที่เปียกชื้น 6. เมื่อเริ่มมีอาการไข้หวัด ควรนอนพักมาก ๆ และดื่มน้ำบ่อย ๆ ถ้าตัวร้อนมาก กินยาลดไข้ และใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัว หรือถ้าอาการไม่ดีขึ้น เช่น มีอาการไอมากขึ้น แน่นหน้าอก มีไข้นานเกิน ๒ วัน ควรไปพบแพทย์ทันที 7. หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และมีประวัติใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ ควรไปพบแพทย์ทันที . ขอขอบคุณข้อมูลจาก: Ged Good Life . โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์ ดูแลคุณด้วยหัวใจ Suksawat Inter Hospital / suksawatinterhospital.com
นัดหมายแพทย์
ค้นหาแพทย์
แพ็กเกจและโปรโมชั่น
นโยบายการใช้คุกกี้
นโยบายความเป็นส่วนตัว
นโยบายกล้องวงจรปิด CCTV